สิ่งที่ไม่คาดฝัน มักจะเกิดในเวลาที่สาวๆ อย่างเราไม่ทันตั้งตัว เช่น เมื่อเราถูกแฟนขอแต่งงานแบบกระทันหัน แล้วหลังจากนั้น เราจะเริ่มจากทำอะไรก่อนดี Well ขอแนะนำ 10 อย่างแรก ที่บ่าว-สาวมือใหม่ควรเตรียมก่อนเข้าประตูวิวาห์ ค่ะ
1. หา Ref. การจัดงานแต่ง ในแบบที่เราอยากได้
สิ่งแรกที่คู่บ่าวสาว ควรทำคือ การเปิดหา Ref. เช่น จาก Pinterest , Facebook , iG เพื่อหาไอเดีย ดูรูปแบบการจัดงานในแบบที่เราชอบ เช่น ชอบงานแบบ Minimal จัดงานเล็กๆภายในครอบครัว,ชอบการจัดงานแบบอลังการ เสมือนครั้งหนึ่งได้เป็นเจ้าหญิง หรือ กิมมิค ต่างๆ ที่อยากให้เกิดในงานของเรา เช่น อยากจุดพลุ, อยากเน้น After Party แบบหนักๆ หรืออยากมีพิธีแลกแหวนในวันแต่งงานเหมือนพิธีคริสต์ ให้ดูโรแมนติกสุดๆ
เมื่อเราเริ่มมองเห็นภาพ แล้วว่า สิ่งที่เราอยากได้ประมาณไหน จะทำให้เราไปต่อในเรื่องอื่นๆได้ค่ะ
เช่น การมองหาหาสถานที่ ที่เหมาะกับ Concept การจัดงานแต่งของเรา และเริ่มกำหนด Budget คร่าวๆได้
1.2.ปรึกษาผู้ใหญ่ หาฤกษ์แต่งงาน ในวันจัดงาน
สิ่งนี้ สำคัญมากในมุมของผู้ใหญ่ค่ะ ยิ่งครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่รักขนบธรรมเนียม อาจจะต้องถามท่านนิดนึงเรื่องพิธีหมั้น ว่าอยากให้มีพิธีอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่บ่าวสาวยุคใหม่มักจะอยากลดทอนพิธีบางอย่างออก ที่เห็นว่าไม่จำเป็น หรืออยากปรับลุคงานแต่ง ให้ดูฝรั่งมากขึ้น ซึ่งก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ (ถ้าไม่ทะเลาะกับผู้ใหญ่น้า)
อับดับแรก หาฤกษ์แต่งงาน ก่อนเลยค่ะ แนะนำว่าให้ดูมาหลายๆฤกษ์
เช่น ถ้าเราอยากจัดงานช่วงสิ้นปี ถึง ต้นปี อาจจะขอฤกษ์จากซินแส หรือ หมอดู มาเป็นตัวเลือกเยอะๆหน่อยค่ะ
เพราะสถานที่และออแกไนซ์ แม้กระทั่งคิวช่างภาพ หรือช่างแต่งหน้า เต็มไวมาก ขอบอก
ถัดมา ลองปรึกษาผู้ใหญ่ เรื่องพิธีต่างๆ ซึ่งพิธีไทย กับ พิธีจีน จะต่างกันเรื่องพานขันหมากที่ใช้ในการแห่ขบวนขันหมาก และพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่จะถูกจัดอยู่ในพิธีแบบไทย ส่วนพิธีจีนจะเรียกว่า ยกน้ำชาค่ะ
(เดี๋ยวไว้มาอธิบายส่วนนี้อย่างละเอียดให้ฟังนะคะ)
ส่วนพิธีการต่างๆ ถ้าบ่าวสาวไม่เข้าใจหรือไม่มีความรู้ แนะนำว่า ปรึกษาออแกไนซ์จะดีที่สุดค่ะ
3.มองหาสถานที่จัดงาน ในแบบที่เราอยากได้เพื่อเช็คราคา
เมื่อเราได้ฤกษ์และรูปแบบการจัดงานที่อยากได้แล้ว เราก็มาเริ่มมองหาสถานที่กันเลยค่ะ
สถานที่หลักๆจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- โรงแรม ข้อดีคือ สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบกว่า เช่น ห้องพัก ที่จอดรถ การบริการต่างๆ และจำนวนแขก ที่ส่วนใหญ่ มักจะจุได้เยอะกว่าสถานที่ประเภทสตูดิโอค่ะ ส่วนข้อเสียเราขอไม่เอ่ยถึงนะคะ เพราะแต่ละที่ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ
- สตูดิโอ ข้อดีคือ มีความแปลกใหม่ บ่งบอกสไตล์ของสถานที่ได้ชัดเจน ดูมีเอกลักษณ์ในตัว
ส่วนใหญ่บ่าวสาวที่เลือกใช้สตูดิโอ มักจะอยากให้งานที่ดูโรแมนติก อบอุ่น และเบื่อการจัดงานแบบสไตล์เดิม ไม่เป็นทางการมาก
แต่ข้อจำกัด คือ อาจจะจุแขกได้น้อยกว่าโรงแรมนิดหน่อยค่ะ ประมาณ 100-300 คน (แล้วแต่สถานที่)
4.เลือก “ออแกไนซ์จัดงานแต่ง” สำหรับช่วยเราจัดงาน ในวันแต่งงาน
อีกปัจจัยสำคัญ ที่จะดูแลภาพรวมของวันแต่งงานของเราให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด นั่นคือ ทีม Organizer ค่ะ
หลายคน คง งง ว่า Organizer ต่างกับ Wedding Planer อย่างไร ?
Wedding Planer
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ Wedding Planner เปรียบเสมือน เลขาของบ่าวสาว ที่คอยประสานงานจัดหาทีม
แต่ละส่วน ให้ครบองค์ประกอบในการเตรียมงานแต่ง เช่น หาทีมออแกไนซ์ตกแต่งงาน, ช่วยหาสถานที่, พาไปดูชุดเจ้าสาว, จัดหาของรับไหว้, ของชำร่วย, ช่างภาพ, ช่างแต่งหน้า เป็นต้น
บ่าวสาวที่มีเวลาน้อย อยากหาผู้ช่วยเพื่อจัดการทั้งหมดให้ แนะนำ Wedding Planner เลยค่ะ
Organizer
คือ ผู้ออกแบบงานแต่งงาน หลักๆจะดูแลในส่วนของการจัดงานในวันงานทั้งหมด ให้ออกมาในรูปแบบที่บ่าวสาวต้องการ ส่วนขอบเขตในการทำงานก็จะขึ้นอยู่กับ แต่ละออแกไนซ์ว่ารับบริการด้านไหนบ้างค่ะ
ส่วน Well Organizer เราดูแล ตั้งแต่การออกแบบงานแต่งงาน คิดไอเดีย, ตกแต่ง, จัดหา catering, ทีมรันคิวงาน รวมถึงทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันแต่งงาน Well มีบริการทั้งหมดค่ะ
ส่วนใหญ่บ่าวสาวที่เลือกใช้การบริการของเรา อาจจะไม่ต้องมี Wedding Planer ก็ได้
เมื่อเราได้ออแกไนซ์ ที่ดูแลงานแต่งเราได้แล้ว จะทำให้งานแต่งในฝันของเรา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่า เพราะคุณมีตัวช่วยแล้ว!!
5. เลือกแหวนแต่งงาน
อันนี้พลาดไม่ได้เลยนะคะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าสาวตั้งตารอเลย
แหวนแต่งงาน มีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ มีทั้งแหวนเกลี้ยง แหวนชู หรือแบบมีเพชรล้อม สามารถไปลองที่ร้านเพชรชั้นนำได้เลย แต่แนะนำว่า อย่าเลือกไซด์ที่คับจนเกินไปนะคะ เพราะตอนที่เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาว จะได้ smooth ภาพออกมาสวยงามค่า
6. หาชุดแต่งงาน ในแบบที่เราชอบ
เรื่อง ชุดแต่งงาน แนะนำว่าอย่าดูแต่ในภาพนะคะ ต้องไปลองของจริงเท่านั้น และสิ่งที่ควรเตรียมตอนไปลองชุด คือ
1.ชุดชั้นในแบบไร้สาย หรือบราปีกนกก็ได้ค่ะ
2.กางเกงซับใน สีเนื้อหรือสีขาว (แนะนำแบบไร้ขอบนะคะ)
3.กางเกงซับใน แบบเสริมก้นไปเผื่อด้วยค่ะ
4.รองเท้าส้นสูง ที่สูงพอดี ใส่แล้วเดินสบายที่สุด เมื่อใส่ส้นสูงแล้ว อย่าลืมเช็คส่วนสูงกับเจ้าบ่าวด้วยน้า ว่ายืนคู่กันแล้ว ดูสวยงามไหม
ส่วนเรื่องร้านชุด มีให้เลือกหลายประเภท ทั้งแบบ เช่า,เช่าตัด,ตัดซื้อ แล้วแต่ความชอบของเราเลยค่ะ
7. หาช่างภาพ และ วีดีโอ งานแต่ง
บอกเลยว่า คิวช่างภาพ คิวทองไม่แพ้สถานที่นะคะ วิธีการเลือก อยากให้ลองเข้าไปดู Mood&Tone ของแต่ละเจ้า เพราะช่างภาพแต่ละคน จะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของรูปที่แตกต่างกัน ยิ่งถ้าเราคุยกับออแกไนซ์ และวาง Theme หรือ Concept ไว้แล้ว การบรีฟงานกับช่างภาพ ก็จะง่ายขึ้นค่ะ
อย่าลืมจองทั้ง ช่างภาพในวันถ่าย Pre-Wedding และวันแต่งงาน นะคะ
8. ช่างแต่งหน้า ทำผม ในวันงานแต่งงาน
เรื่องหนักใจของเจ้าสาวทุกคน เพราะเลือกไม่ถูก จะเอาเจ้าไหนดี สวยไปหมด เรทราคาก็มีตั้งแต่หลักพัน ไปถึงหลักหลายหมื่น เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ Budget และสไตล์ ของแต่ละท่านเลยค่ะ
แอบให้ Trick ในการเลือกค่ะ
แนะนำให้เลือกเจ้าที่เน้นงานผิว งานออร่า อยู่ติดทน และอย่าลืมสอบถามเรื่องการ เติมหน้า ระหว่างเปลี่ยนพิธีด้วยนะคะ
9. เลือกของรับไหว้ ของชำร่วย ในวันแต่งงาน
ของรับไหว้ คือของขวัญ ที่เราจะให้ในช่วงพิธีเช้า ในช่วงพิธีตอนรับไหว้ หรือ ยกน้ำชาผู้ใหญ่ เช่น ชุดเทียนหอม เครื่องเบญจรงค์ ผ้าขนหนู หรือของขวัญชิ้นพิเศษที่เราจัดเตรียมไว้ให้ผู้ใหญ่แต่ละท่าน จะเหมือนกัน หรือไม่เหมือนกันเลยก็ได้ค่ะ
ของชำร่วย คือของที่เราแจกให้แขก ในช่วงงานเลี้ยงฉลอง ถ้าในสไตล์ Well มักจะแนะนำให้ เลือกสิ่งของที่เข้า Theme กับงานเราค่ะ หรือจะเป็นของที่ ดูแลใช้งานได้จริงๆ และสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของบ่าวสาวค่ะ
10. ออกแบบการ์ดเชิญ
เรื่องแบบการ์ดเชิญ มีหลายๆร้านที่ออกแบบให้ และทำการปริ้นท์ให้ แบบครบวงจรเลยค่ะ Well ขอแนะนำในส่วนของ การใส่เวลาในการ์ด ให้ใส่เวลา ให้น้อยที่สุด เผื่อกันไม่ให้แขกสับสน และมาผิดเวลา เช่น ใส่เฉพาะ พิธีแห่ขันหมาก และพิธีเลี้ยงฉลอง แขกจะเข้าใจง่าย ซึ่งแขกที่เป็นคนในครอบครัว ญาติสนิท ก็จะมาในช่วงเวลาแห่ขันหมากส่วนแขกทั่วไป ก็จะมาในช่วงเวลาเลี้ยงฉลอง เท่านี้เลยค่ะ
สำหรับท่านไหนที่ยัง No Idea เรื่องการเตรียมงาน สามารถ ทักมาสอบถาม Well Organizer ได้เลยนะคะ
ทีมงานเราพร้อมให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ